ในปัจจุบัน องค์กรต่างหันมาให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน หลายบริษัทจึงกำหนดให้การตรวจสุขภาพเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรับพนักงาน ซึ่งการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการขอใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันความพร้อมทางด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับทั้งองค์กรและตัวผู้สมัครเข้าทำงานอีกด้วย
ความสำคัญของการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน
การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในหลายมิติ
ในมุมมองขององค์กร การตรวจสุขภาพเป็นมาตรการสำคัญในการคัดกรองบุคลากรที่จะเข้ามาปฏิบัติงาน เพราะสุขภาพที่ดีของพนักงานเป็นรากฐานสำคัญของประสิทธิภาพในการทำงาน องค์กรจำเป็นต้องมั่นใจว่าพนักงานใหม่มีความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจที่จะปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ไม่มีโรคติดต่อหรือโรคประจำตัวที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือเพื่อนร่วมงาน
ในขณะเดียวกัน สำหรับพนักงาน/ผู้สมัครงาน การตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานถือเป็นโอกาสอันดีในการประเมินสภาวะสุขภาพของตนเองเบื้องต้น บ่อยครั้งที่หลายคนมองข้ามอาการผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ของร่างกาย ซึ่งการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดจะช่วยให้พบปัญหาสุขภาพตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ทำให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที ทั้งยังเป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพให้เหมาะสมกับลักษณะงานที่กำลังจะเริ่มต้นอีกด้วย หรือเมื่อเริ่มทำงานไปแล้วเกิดปัญหาสุขภาพ จะง่ายต่อการหาสาเหตุของปัญหาสุขภาพซึ่งอาจจะเกิดจากการทำงาน
ความสำคัญของการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน
การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานนั้นมีรายการตรวจที่ครอบคลุมหลายด้าน ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะงานของแต่ละบริษัทหรือองค์กร โดยทั่วไปจะเริ่มจากการตรวจร่างกายพื้นฐานโดยแพทย์ ซึ่งรวมถึงการซักประวัติสุขภาพ การตรวจวัดสัญญาณชีพ ความดันโลหิต ชีพจร และการประเมินดัชนีมวลกาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินสภาพร่างกายโดยรวมได้ รายการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานแบ่งได้ดังนี้
1. การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานทั่วไป
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์ (Physical Examination) เช่น ซักประวัติสุขภาพ การตรวจวัดสัญญาณชีพ ความดันโลหิต ชีพจร และการประเมินดัชนีมวลกาย
- เอกซเรย์ปอดและทรวงอก
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
- ตรวจปัสสาวะ
- ตรวจคัดกรองสารเสพติด
- ตรวจหาเชื้อไวรัส โรคติดต่อ
- ตรวจการตั้งครรภ์
2. ตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงในการทำงาน หรือในงานที่มีปัจจัยเสี่ยง
ในบางตำแหน่งงานหรือลักษณะการทำงานที่มีความเสี่ยงเฉพาะ องค์กรอาจกำหนดให้มีการตรวจสุขภาพเพิ่มเติมตามปัจจัยเสี่ยงในการทำงาน เช่น
- การตรวจวัดสายตาละเอียด
- การทดสอบการแยกสี
- การวัดความสามารถในการมองเห็นในระยะใกล้และไกล
- การตรวจการได้ยินด้วยเครื่อง
- การตรวจสภาพหูและช่องหู
- การตรวจสมรรถภาพปอดด้วยเครื่อง
- การตรวจภาพรังสีทรวงอกแบบละเอียด
- การประเมินการทำงานของระบบทางเดินหายใจ
- และอื่นๆ ตามลักษณะการทำงานและปัจจัยเสี่ยงที่พนักงานอาจเผชิญ
การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน ราคาเท่าไหร่
บริการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานมีราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ
- แพ็กเกจของโรงพยาบาล – สถานพยาบาลมักนำเสนอแพ็กเกจตรวจสุขภาพต่างๆ ในราคาต่างกันไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการหลากหลาย
- รายการตรวจ – หากต้องการให้โรงพยาบาลตรวจสุขภาพที่อยู่นอกเหนือจากรายการหลัก อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับรายการตรวจนั้นๆ
- ความละเอียดในการตรวจ – ความละเอียดในการตรวจของแต่ละสถานพยาบาลอาจแตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลให้ค่าตรวจสุขภาพสูงขึ้น
โดยที่โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ เราเข้าใจความสำคัญของการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน จึงได้ออกแบบแพ็กเกจการตรวจที่ครอบคลุมและคุ้มค่า โดยแบ่งเป็นแพ็กเกจสำหรับผู้ชายในราคา 950 บาท และแพ็กเกจสำหรับผู้หญิงในราคา 1,100 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งครอบคลุมการตรวจที่จำเป็นทั้งหมด ได้แก่
- ตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์ (Physical Examination)
- เอกซเรย์ทรวงอกระบบดิจิทัล (Chest X-Ray Digital)
- ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ (Urinalysis)
- ตรวจคัดกรองสารเสพติดในปัสสาวะ (Methamphetamine)
- ตรวจหาเชื้อซิฟิลิสและภาวะเสี่ยงกามโรค (VDRL)
- ตรวจการตั้งครรภ์ (Pregnancy Test)
- ตรวจวัดความดันโลหิต ชีพจร ชั่งน้ำหนัก ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย (Vital Signs)
- ใบรับรองแพทย์ และรายงานผลการตรวจสุขภาพ
อยากตรวจสุขภาพก่อนเข้าทํางาน ใช้ประกันสังคมได้ไหม
ผู้ประกันตนในมาตรา 33 และ 39 มีสิทธิตรวจสุขภาพพื้นฐานถึง 14 รายการ เพียงแค่แสดงบัตรประชาชนกับสถานพยาบาล ก็สามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพกับประกันสังคมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ มีข้อควรพิจารณาหลายประการ ดังนี้
- รายการตรวจที่ครอบคลุมโดยประกันสังคมอาจไม่ครอบคลุมความต้องการของบริษัทที่สมัครงาน เพราะบางองค์กรอาจมีรายการตรวจเฉพาะที่ต้องการ ดังนั้นจึงควรสอบถามกับบริษัทให้แน่ใจก่อน
- การตรวจสุขภาพประกันสังคมอาจใช้เวลานานกว่าการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน และอาจมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาการรับผลตรวจ ดังนั้น หากต้องการความรวดเร็วและความครบถ้วนตามที่บริษัทต้องการ การเลือกตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
ก่อนตรวจสุขภาพเข้าทำงานควรเตรียมตัวอย่างไร
การเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนเข้ารับการตรวจสุขภาพมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความแม่นยำของผลตรวจ โดยขอแนะนำให้เตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพ ดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- งดอาหารและเครื่องดื่ม 8-10 ชั่วโมงก่อนตรวจ (กรณีต้องเจาะเลือด)
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ในกรณีตรวจโปรแกรมตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานมาตรฐานทั่วไป ไม่ต้องงดน้ำและอาหาร โดยทั่วไป อาจใช้ระยะเวลารอผลตรวจประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือภายใน 1 วัน ขึ้นอยู่กับความละเอียดของการตรวจ
ตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานที่ไหนดี?
การเลือกสถานที่ตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผลตรวจและความสะดวกในการรับบริการ กล่าวได้ว่าการเลือกสถานพยาบาลสำหรับตรวจสุขภาพ มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา
มาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์
ควรเลือกโรงพยาบาลที่ผ่านรับการรับรองคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการตรวจทุกขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐานที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ โรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานจะมีระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด ตั้งแต่กระบวนการตรวจ การวิเคราะห์ผล ไปจนถึงการรายงานผล ทำให้ผลการตรวจมีความแม่นยำ
มีการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์
ในกระบวนการตรวจ แพทย์ควรเป็นผู้ซักประวัติและตรวจร่างกาย พร้อมทั้งให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ การมีทีมพยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางยังช่วยให้การบริการเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
เลือกแพ็กเกจตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานที่ครอบคลุม ตามที่บริษัทกำหนด
สถานพยาบาลที่ดีควรมีแพ็กเกจการตรวจที่หลากหลาย สามารถเลือกปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละองค์กร บางบริษัทอาจต้องการการตรวจพิเศษเพิ่มเติมตามลักษณะงาน เช่น การตรวจสมรรถภาพปอดสำหรับงานที่ต้องสัมผัสฝุ่น ซึ่งสถานพยาบาลควรสามารถจัดแพ็กเกจหรือรายการตรวจที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้
รู้ผลรวดเร็ว และมีช่องทางการส่งผลตรวจทางออนไลน์
สถานพยาบาลในปัจจุบันมักมีการรายงานผลตรวจที่รวดเร็ว ภายในไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง หรือโรงพยาบาลบางแห่งอาจมีการส่งผลตรวจผ่านอีเมล หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางได้อย่างมาก
โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ ให้บริการตรวจสุขภาพประจำปีครบวงจร
โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ (SEMed Living Care Hospital) ผู้ให้บริการตรวจสุขภาพด้านอาชีวเวชศาสตร์ครบวงจร ให้บริการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน รวมถึงการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงในการทำงาน และบริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่แก่สถานประกอบการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ด้วยบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน นำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการข้อมูล เพื่อความถูกต้องรวดเร็ว สามารถส่งผลการตรวจได้ตรงตามความต้องการของผู้รับบริการ ซึ่งสามารถดูผลตรวจสุขภาพผ่านระบบออนไลน์ได้
เราพร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการแก่สถานประกอบการ ให้หัวข้อต่างๆ ทั้งในด้านสุขภาพและด้านอาชีวเวชศาสตร์ ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ มอบบริการที่ใส่ใจ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านพึงพอใจและได้ประโยชน์สูงสุด
ตรวจสุขภาพครั้งใด.. นึกถึง โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ เราไม่เคยหยุดนิ่ง เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร.: 0-2199-2111 ต่อ 161 แผนกการตลาด
หรือ 081-358-6493 (คุณอ้น), 086-368-5317 (คุณไอซ์)
อีเมล: info@semed.co.th
LINE: @semed
Facebook: SEMed living care hospital