10 อาหารสุขภาพ ช่วยลดความดันสูง

10 อาหารสุขภาพช่วยลดความดันสูง

โรคความดันโลหิตสูง ​นั้นเป็นโรคที่อันตรายมากโรคหนึ่ง​ เนื่องจาก​ในช่วงแรกผู้ป่วยมักจะไม่ค่อยมีอาการใด ๆ​ กว่าจะรู้ตัวก็เกิดภาวะแทรกซ้อน​ที่รุนแรงอื่น ๆ​ ตามมาเสียแล้ว ความดันโลหิตสูง นับเป็นปัญหาเรื้อรังของระบบสาธารณสุขทั่วโลก​ รวมถึงประเทศไทย​ด้วย​ เนื่องจาก​สถานการณ์​โรคความดันโลหิตสูง​จะสืบเนื่อง​กับ​อายุ​ เมื่ออายุ​เพิ่มมากขึ้นก็มีความเสี่ยง​ที่จะเป็น​โรคความดันโลหิตสูง​มากขึ้นด้วยเช่นกัน​

โรค ความดันโลหิตสูง คือ ?

ความดันโลหิตสูงคือค่าความดันภายในหลอดเลือดแดง ซึ่งเกิดจากการบีบตัวของหัวใจเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ​ ของ​ร่างกาย​ โดยจะวัดได้​ 2 ค่า​ ได้แก่

– ค่าความดันโลหิตตัวบน:เป็นค่าความดันเลือดในขณะที่หัวใจบีบตัว

– ค่าความดันโลหิตตัวล่าง: เป็นค่าความดันเลือดในขณะที่หัวใจคลายตัว

สำหรับภาวะความดันโลหิตสูง​นั้น​ ค่าที่วัดได้จะมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตร​ปรอท​ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ​ ตามมาได้​ เช่น​ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง​ หรือไตวาย​ เป็นต้น

โรคความดันโลหิตสูงมักจะเกิดขึ้นมากในผู้สูงอายุ และถือว่าเป็นโรคเรื้อรัง​ ต้องดูแลรักษาตัวเองอย่างดี​ และสำหรับ​ในเมืองไทยเราถือว่า มีผู้ป่วยโรค ความดัน โลหิตสูง เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการดูแลเรื่องของอาหารการรับประทาน หรือโภชนาการถือว่ามีส่วนสำคัญมาก ๆ เรามาลองดูกันดีกว่า​ว่า​ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง​นั้นควรรับประทานอาหา​รอย่างไร

ketogenic low carbs diet food selection white wall

                    หลักการบริโภคอาหารเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูง หรือ DASHDiet (Dietary Approaches to Stop Hypertension Diet)

                    หลักการสำคัญของการรับประทานอาหารแบบ DASH คือ ลดการบริโภคอาหารที่มีเกลือโซเดียม ไขมันอิ่มตัว ไขมันรวมและคอเลสเตอรอลลง และเพิ่มการรับประทานใยอาหาร โปรตีน แคลเซียม แร่ธาตุต่าง ๆ อย่าง โปแตสเซียมและแมกนีเซียม ที่มีผลการศึกษาถึงการลดความดันโลหิตสูงได้

สัดส่วนการรับประทานอาหารตามหลัก DASH

สำหรับสัดส่วน​การรับประทาน​อาหาร​ตามหลัก DASH ใน 1 วัน จะประกอบด้วย

                    ธัญพืชชนิดต่าง ๆ โดยเน้นเป็นธัญพืชไม่ขัดสี 7-8 ส่วนบริโภค (หรือประมาณ 7-8 ทัพพี) เพื่อเพิ่มการรับประทานใยอาหารที่ช่วยการขับถ่ายและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

                    ผักและผลไม้อย่างละ 4-5 ส่วนบริโภค (หรือผักประมาณ 4-5 ทัพพี และผลไม้ ส่วน)เพิ่มการรับประทานใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย โดยเน้นรับประทานผักและผลไม้สด หลีกเลี่ยงผักและผลไม้กระป๋องหรือผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ

                    เนื้อสัตว์ไขมันต่ำอย่างเนื้อปลา 2-3 ส่วนบริโภค (หรือประมาณ 4-6 ช้อนกินข้าว) รับประทานเนื้อแดงในปริมาณเหมาะสม การตัดส่วนไขมันหรือหนังของเนื้อสัตว์และเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ไขมันต่ำจะช่วยลดการบริโภคไขมัน นอกจากนี้การเพิ่มการรับประทานเนื้อปลาจะช่วยเพิ่มการบริโภคกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ และต้านการอักเสบ ซึ่งก็จะช่วยดูแลหลอดเลือดและบำรุงหัวใจได้อีกด้วย

                    น้ำมันหรือไขมัน 2-3 ส่วนบริโภค (หรือไม่เกิน ช้อนชา) การรับประทานไขมันที่มากเกินไปก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นไขมันยังเป็นสารอาหารจำเป็นที่ช่วยให้การดูดซึมวิตามินชนิดที่ละลายน้ำ รวมถึงเป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย

                    ถั่วเปลือกแข็งชนิดต่าง ๆ เช่น อัลมอนด์ ถั่วลิสง เนื่องจากถั่วชนิดต่าง ๆ มีกรดไขมันชนิดที่ดีอยู่ ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3, 6, 9 แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป แม้ว่าจะเป็นแหล่งของไขมันที่ดี แต่เนื่องจากมีพลังงานที่สูง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายและไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ควรรับประทานประมาณ 30 กรัมหรือ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน

สำหรับ​การรับประทาน​อาหาร​ตามหลัก DASH​ นี้แนะนำให้ใช้เครื่องเทศหรือสมุนไพรต่าง ๆ​ ในการเสริมรสชาติอาหาร และลดการใช้เกลือหรือเครื่องปรุงที่มีโซเดียมสูงในการปรุงแต่งอาหาร

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้อาหารตามแบบ DASH Diet ได้รับการแนะนำจากสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (american heart association) ให้เป็นแนวทางในการควบคุมโรคความดันโลหิตสูง

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่รวบรวมประมวลผลอย่างเป็นระบบ (systematic review with meta-analysis) ยืนยันผลของการรับประทานอาหารแบบ DASH Diet ในผู้เข้าร่วมกว่า 2000 คน ผู้ที่รับประทานอาหารตามแบบ DASH Diet เป็นระยะเวลา 2-24 สัปดาห์ ถึงผลการลดลงของความดันโลหิต คอเลสเตอรอลรวมและคอเลสเตอรอลชนิด LDL อย่างมีนัยสำคัญ และลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจใน 10 ปีข้างหน้า ได้ถึงร้อยละ 13

10 อาหารที่เหมาะกับ​ผู้ป่วยโรค ความดัน​โลหิต​สูง ​ตามหลัก​ DASH​ Diet​

                    1 . ข้าวแป้งที่ไม่ขัดสี รับประทาน ข้าวแป้งที่ไม่ขัดสี ประมาณ 7-8 ทัพพี เพื่อเพิ่มใยอาหารในการขับถ่าย และโรคเรื้อรัง

                    2. เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ รับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ​ เช่น​ เนื้อแดงที่ไม่ติดมันหรือไม่ติดหนังเพื่อลดการบริโภคไขมัน​​ และเพิ่มการรับประทานเนื้อปลาเพื่อให้ได้รับโอเมก้า 3​ เพื่อช่วยในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ป้องกันการอักเสบ และมีส่วนช่วยในการบำรุงหลอดเลือด

                    3. ผัก ผลไม้ สด เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้สด​ 4-5 ทัพพี​​ โดยเน้นการรับประทานผักผลไม้สด​ ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งเป็นหลัก​ เพื่อเพิ่มใยอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ หลีกเลี่ยงผลไม้กระป๋องและแปรรูป

                    4. ไขมันดี รับประทานน้ำมันหรือไขมันในปริมาณ​ ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน โดยเน้นรับประทานอาหารที่เป็นไขมันดี เพื่อให้ร่างกาย​ได้รับปริมาณไขมันที่เพียงพอ​ และช่วยในการดูดซึมวิตามินชนิดละลายน้ำ

                    5. ถั่วและธัญพืช เน้นรับประทานธัญพืช​และถั่วเปลือกแข็งชนิดต่าง ​ๆ​ เช่น​ อัลมอนด์​ ถั่วลิสง​ เป็น​ต้น​ เพื่อให้ได้ไขมัน​ที่ดี​ แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไปเนื่องจาก​ถั่วเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง​ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรรับประทาน​เกินวันละ 30 กรัม​ หรือวันละ 2​ ช้อนโต๊ะ​

                    6. กระเจี๊ยบแดง จากผลวิจัยพบว่ากระเจี๊ยบ​แดงสามารถช่วยลด โรคความดันโลหิต ได้​ เนื่องจากมีสาร​แอนโทไซยานินที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือด

                    7. ขึ้นฉ่าย มีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่าขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต​ ขับปัสสาวะ​ ลดบวม ควบคุมน้ำตาล​ ลดไขมัน​และต้านการอักเสบได้

                    8. กระเทียม กระเทียม​เป็นพืชผักสวนครัวที่ต้องมีติดครัวกันทุกบ้าน​ นอกจากรสเผ็ดร้อนที่ช่วยเสริมรสชาติ​อาหาร​แล้ว​ ในกระเทียม​ยังมีสารเคมีที่สำคัญก็คือ​ Allicin​ ที่ช่วยลดความดันโลหิตและไขมันในเลือดได้ด้วย

                    9. ตะไคร้ เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่หลายคนนิยมนำมาทำอาหาร​ เนื่องด้วยสรรพคุณ​ที่หลากหลาย​ทั้งช่วยในเรื่องการขับปัสสาวะ ขับลม​และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย​แล้ว​ ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการลดความดันโลหิตสูงได้ดีทีเดียว

                    10. ฟ้าทะลายโจร​ สมุนไพรยอดฮิตที่มากด้วยสรรพคุณทางยา​ ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าสารในฟ้าทะลายโจรนั้นฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต ช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด และลดอัตราการเต้นของหัวใจไม่ให้เร็วจนเกินไป​ด้วย

high angle doctor using tensiometer

วิธีการรักษาโรค ความดันโลหิตสูง ในผู้สูงอายุด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

การรักษาโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามแนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป มีรายละเอียดดังนี้

  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือใกล้เคียงปกติ
  • ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน ในแต่ละวันอาจจะแบ่งออกกำลังเป็นช่วงสั้น ๆ ครั้งละ 10 นาที วันละ 3 ครั้ง
  • การจำกัดโซเดียมในอาหาร ควรบริโภคไม่เกิน 2300 มิลลิกรัม ต่อวัน สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ทั้งในผู้ป่วยที่มีความดันและไม่มีโรคความดันโลหิตสูง
  • การรับประทานอาหารตามแนวทาง DASH Diet
  • การจำกัดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • การหยุดบุหรี่ การเลิกบุหรี่อาจไม่มีผลต่อการลดความดันโลหิตโดยตรง แต่สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
  • การลดความเครียด รวมถึงการผ่อนคลายความเครียด และลดการวิตกกังวล

สรุป

อาหารเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยในเรื่องของ โรคความดันโลหิตสูง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิต หมายถึง การเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันไปสู่การบริโภคอาหารตามหลักโภชนาการ และมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม ร่วมกับพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เช่น งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตให้ได้ในระยะยาวถือเป็นหัวใจสำคัญของหารป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และยังเป็นการรักษาพื้นฐานสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตทุกรายไม่ว่าผู้ป่วยจะมีข้อบ่งชี้ในการใช้ยาหรือไม่ก็ตาม ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องใช้ยาความดันโลหิตร่วมด้วย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะทำให้ประสิทธิภาพการรักษาด้วยยาสูงขึ้น

แหล่งข้อมูล : มหาวิทยาลัยมหิดล

แชร์