ตรวจสุขภาพประจำปี รู้ทันโรค ดูแลร่างกายอย่างเหมาะสม

การตรวจสุขภาพประจำปี คืออะไร สำคัญอย่างไร

การตรวจสุขภาพประจําปี คือ การตรวจคัดกรองโรคเบื้องต้น และหาปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหรืออาการแอบแฝง โดยข้อดีของการตรวจสุขภาพประจำปี คือ การที่ช่วยให้รู้ถึงสภาวะร่างกาย วางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพิ่มโอกาสในการรักษา ป้องกันไม่ให้อาการลุกลามหรือเกินภาวะแทรกซ้อนรุนแรง พร้อมลดโอกาสสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการตรวจร่างกายยังช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพให้แก่ตนเองและคนรอบข้าง

ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักของการตรวจสุขภาพประจำปีมี 2 ประการ ได้แก่

1. ตรวจคัดกรองโรคตามปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล

เป็นการหาโรคแฝงที่ผู้ป่วยหรือบุคคลนั้นๆ อาจมี ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุทางพันธุกรรม หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมสุขภาพ เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง รวมไปถึง มะเร็งในระยะแรก อาทิ มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น

2. ตรวจหาพฤติกรรมเสี่ยง

การตรวจและสอบถามบุคคล เพื่อระบุพฤติกรรมหรือปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรค เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สูบบุรี่เป็นประจำ มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน เป็นต้น

ตรวจสุขภาพประจําปี ตรวจอะไรบ้าง

รายการตรวจสุขภาพประจำปีนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ปัจจัยเสี่ยง รวมถึงประวัติการเจ็บป่วยของคนในครอบครัว เป็นต้น ทั้งนี้ รายการตรวจสุขภาพประจำปีโดยทั่วไปมีดังนี้

• ซักประวัติ ตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต และตรวจร่างกายโดยแพทย์
• ทดสอบสมรรถภาพกล้ามเนื้อ ทั้งกล้ามเนื้อมือ กล้ามเนื้อขา และกล้ามเนื้อหลัง
• การเจาะเลือดและตรวจวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ทราบถึงค่าความผิดปกติของร่างกาย เช่น ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ภาวะโลหิตจาง ระดับไขมันในเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด การทำงานของตับ ไต และต่อมไทรอยด์ เป็นต้น
• การทดสอบสมรรถภาพปอด เพื่อประเมินภาวะจำกัด การขยายตัว หรือภาวะการอุดกั้นของปอด
• การทดสอบสายตาอาชีวอนามัย ความชัดในการมองเห็น การมองภาพ 3 มิติ และการแยกสี เป็นต้น
• การทดสอบสมรรถภาพการได้ยิน เพื่อคัดกรองผู้มีโอกาสเป็นโรคประสาทหูเสื่อมจากเสียงดัง
• การเอกซเรย์ทรวงอก เพื่อประเมินสุขภาพอวัยวะบริเวณทรวงอก เช่น ปอด หัวใจ กะบังลม และกระดูกสันหลัง
• การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อประเมินภาวะหัวใจเบื้องต้น คัดกรองผู้มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
• เก็บตัวอย่างปัสสาวะ ใช้ในการประเมินโรคเบาหวาน โรคไต หรือภาวะติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
• เก็บตัวอย่างอุจจาระ ใช้ในการตรวจหาปรสิตในลำไส้ รวมถึงประเมินสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร

การตรวจสุขภาพประจำปี คืออะไร สำคัญอย่างไร

ในการตรวจสุขภาพตามช่วงอายุ อาจมีรายการตรวจร่างกายที่แตกต่างกันไป เนื่องจากคนอายุน้อยและคนอายุมากมีโอกาสและปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคไม่เหมือนกัน

1. ตรวจสุขภาพประจำปีในช่วงอายุ 0 – 18 ปี (เด็กและวัยรุ่น)

ช่วงอายุ 19 – 24 ปี เป็นวัยที่ระบบต่างๆ ในร่างกายยังทำงานได้สมบูรณ์ แต่ควรใส่ใจเรื่องน้ำหนักที่สมส่วน ไม่น้อยหรือมากเกินเกณฑ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ทั้งนี้ การตรวจสุขภาพประจําปีในวัยนี้จึงอาจเน้นไปยังการตรวจร่างกายเพื่อหาสิ่งผิดปกติจากการพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาทิ ค่าความสมบูรณ์ของเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมัน หรืออื่นๆ ตามแพทย์แนะนำ

2. ตรวจสุขภาพประจำปีในช่วงอายุ 19 – 60 ปี (วัยทำงาน)

ในปัจจุบัน วัยทำงานช่วงต้น (19 – 40 ปี) ส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมทำงานหนัก เกิดปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะ หรือนั่งทำงานนานจนเกิดภาวะออฟฟิศซินโดรม บางกลุ่มอาจมีไลฟ์สไตล์ที่ชอบสังสรรค์ ดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือมักรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และไม่มีเวลาออกกำลังกาย ส่วนกลุ่มผู้มีอายุ 41 – 60 ปี นั้นเป็นช่วงวัยกลางคนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดันสูง หรือโรคหัวใจ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงหากไม่ได้รับการรักษา

กลุ่มวัยทำงานจึงควรตรวจระดับความเข้มข้นของเม็ดเลือด ระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด เอกซเรย์ทรวงอก ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ รวมไปถึงตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม (สำหรับผู้หญิง) และมะเร็งต่อมลูกหมาก (สำหรับผู้ชาย)

3. ตรวจสุขภาพประจำปีในช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป (สูงวัย)

เมื่อมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ย่อมมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งอวัยวะต่างๆ เริ่มเสื่อมสมรรถภาพตามกาลเวลา จึงควรเลือกโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีที่ครอบคลุม ตั้งแต่การทดสอบสมรรถภาพของอวัยวะต่างๆ ตรวจเลือด เอกซเรย์ทรวงอก ไปจนถึงการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ รวมถึงแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว

การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพประจำปี

1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ก่อนถึงวันนัดหมายตรวจสุขภาพ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง เพราะการนอนน้อยอาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผลตรวจร่างกายผิดพลาดได้

2. งดรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม

ควรงดรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม (ยกเว้นน้ำเปล่า) อย่างน้อย 8 ชั่วโมงในกรณีที่มีการตรวจเลือด ส่วนกรณีที่มีการตรวจระดับไขมันในเลือด ควรงดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 12 ชั่วโมง นอกจากนี้ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนเข้าตรวจ รวมถึงหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลังอย่างชา กาแฟ และงดสูบบุหรี่

3. เตรียมข้อมูลสุขภาพของตนเอง

หากมีอาการเจ็บป่วย โรคประจำตัว มีอาการผิดปกติในร่างกาย อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือมีประวัติการรักษาอื่นๆ ควรรวบรวมและแจ้งให้แพทย์ทราบขณะซักประวัติ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัยของแพทย์

4. สวมเสื้อผ้าที่สะดวกในการตรวจร่างกาย

แนะนำให้สวมใส่เสื้อผ้าที่สบายตัว ไม่รัดแน่นจนเกินไป ควรสวมเสื้อผ้าที่สะดวกต่อการพับแขนเสื้อสำหรับการวัดความดันหรือเจาะเลือด กรณีเอกซเรย์ทรวงอก สุภาพสตรีควรหลีกเลี่ยงการสวมชุดชั้นในที่เป็นโครงเหล็ก เพื่อป้องกันการเกิดเงาดำบนฟิล์มเอกซเรย์ ซึ่งอาจบดบังร่องรอยของโรค

การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพประจำปี

โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ (SEMed Living Care Hospital) ผู้ให้บริการตรวจสุขภาพด้านอาชีวเวชศาสตร์ครบวงจร นำเสนอโปรแกรมตรวจสุขภาพตามช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ และตรวจสุขภาพตามความเสี่ยง เพราะเราทราบดีว่าบุคคลในแต่ละช่วงวัยมักพบเจอปัญหาและอุปสรรคด้านสุขภาพที่แตกต่างกันไป เราจึงมอบโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีในราคาที่เป็นมิตรและครบวงจร ช่วยให้รู้ทันความเสี่ยงและโอกาสที่โรคต่างๆ จะเกิดขึ้น พร้อมมอบบริการที่ใส่ใจ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านพึงพอใจและได้ประโยชน์สูงสุด

ตรวจสุขภาพครั้งใด.. นึกถึง โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ เราไม่เคยหยุดนิ่ง เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพประจำปี

โทร.: 0-2199-2111 ต่อ 161 แผนกการตลาด

หรือ 081-358-6493 (คุณอ้น), 086-368-5317 (คุณไอซ์)

อีเมล: info@semed.co.th

LINE: @semed

Facebook: SEMed living care hospital