ด่วน! เช็คตัวเองก่อนเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

stomach cancer TH

โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร (Stomach Cancer) เป็นโรคร้ายที่เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งสามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายได้ โรคนี้มักไม่แสดงอาการในระยะแรก ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้รับการวินิจฉัยจนกว่าจะเข้าสู่ระยะที่รุนแรงมากขึ้นถึงได้มีอาการเกิดขึ้นให้ได้สังเกต  ซึ่งหมายความว่าโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเป็นโรคร้าย ภัยเงียบที่น่ากลัวอีกโรคหนึ่งเลย

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

1. การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori)

การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร และอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้ในที่สุด

2. อาหารและพฤติกรรมการบริโภค

การบริโภคอาหารเค็มจัด อาหารที่ผ่านการหมักดอง อาหารรมควัน หรืออาหารที่มีสารไนโตรซามีนสูง มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมากขึ้น

3. การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์

การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นปัจจัยที่เพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้

4. พันธุกรรมและประวัติครอบครัว

หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เคยป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ความเสี่ยงของโรคนี้จะเพิ่มขึ้น

5. อายุและเพศ

โรคมะเร็งกระเพาะอาหารมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี และเพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง

อาการของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

อาการของมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะแรกอาจไม่ชัดเจน แต่ในระยะที่รุนแรงขึ้น อาจพบอาการดังนี้:

  • อาการปวดท้องบริเวณลิ้นปี่
  • อาการคลื่นไส้ อาเจียน
  • ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ถ่ายอุจจาระสีดำ หรือมีเลือดปนในอุจจาระ
  • อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

การวินิจฉัยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

  1. การส่องกล้องทางเดินอาหาร (Gastroscopy)

แพทย์จะใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปในกระเพาะอาหารเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ และอาจเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อเพื่อตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)ออกมาทำการตรวจอีกที เพื่อให้ผลที่ชัดเจน

2.การเอกซเรย์และการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)

ใช้เพื่อวิเคราะห์ภาพของกระเพาะอาหารและตรวจสอบการลุกลามของเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้น

3.การตรวจเลือด

เพื่อตรวจหาสารที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งและการติดเชื้อแบคทีเรีย H. pylori

วิธีการรักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

วิธีการรักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย ซึ่งอาจใช้วิธีการรักษาดังนี้:

  1. การผ่าตัด (Surgery) – เป็นวิธีการรักษาหลักที่ใช้ในการตัดกระเพาะอาหารบางส่วนหรือทั้งหมดออก
  2. การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy) – ใช้ยาเคมีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลืออยู่หลังการผ่าตัดหรือเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
  3. การฉายรังสี (Radiation Therapy) – ใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
  4. การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) – ใช้ยาที่มุ่งเป้าไปที่โปรตีนหรือยีนเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของมะเร็งโดยเฉพาะ

การป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

  1. การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ – เลือกรับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและใยอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด อาหารหมักดอง และอาหารรมควัน
  2. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ – การเลิกสูบบุหรี่และการลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดความเสี่ยงได้
  3. การรักษาสุขภาพช่องท้อง – หลีกเลี่ยงการติดเชื้อแบคทีเรีย H. pylori โดยการรับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุก
  4. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ – การตรวจสุขภาพและการตรวจหาเชื้อ H. pylori เป็นวิธีที่ช่วยให้สามารถตรวจพบโรคได้ในระยะแรกเริ่ม

โรคมะเร็งกระเพาะอาหารเป็นโรคร้ายที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากอาการในระยะแรกมักอาการไม่ชัดเจน การดูแลสุขภาพและปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่เหมาะสมสามารถลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที การตรวจสุขภาพเป็นประจำก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะเริ่มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร.: 0-2199-2111 ต่อ 161 แผนกการตลาด

หรือ 081-358-6493 (คุณอ้น), 086-368-5317 (คุณไอซ์)

อีเมล: info@semed.co.th

LINE: @semed

Facebook: SEMed living care hospital