น่ากลัวกว่าที่คิด อย่าละเลย โรคหูดับ

SSNHL

โรคหูดับ หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ภาวะสูญเสียการได้ยินเฉียบพลัน” (Sudden Sensorineural Hearing Loss, SSNHL) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้การได้ยินลดลงหรือสูญเสียไปในช่วงเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยอาการนี้มักเกิดขึ้นที่หูข้างใดข้างหนึ่ง แต่ในบางกรณีอาจเกิดที่หูทั้งสองข้างได้เช่นกัน โดยปัจจุบันเราจะเห็นได้จากข่าวมากมาย ว่าโรคนี้เกิดจากการกินของดิบ อย่าง หมู นั่นเอง สายปาร์ตี้ต้องระวังกันนะเพราะโรคสมัยนี้มีการวิวัฒนาการแปลกขึ้นเรื่อย ๆ โรคที่เราไม่เคยได้เจอกเริ่มจะเป้นที่รูจักกันมากยิ่งขึ้น 

อาการของโรคหูดับเป็นอย่างไร

  1. สูญเสียการได้ยินอย่างรวดเร็ว
    ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าการได้ยินลดลงทันที หรือได้ยินเสียงเบาลงมากในหูข้างที่ได้รับผลกระทบหรือสูญเสียการได้ยินไปเลย
  2. เสียงในหู (Tinnitus)
    อาจรู้สึกได้ยินเสียงหวีด เสียงก้อง หรือเสียงอื้ออึงในหู
  3. เวียนศีรษะหรือบ้านหมุน
    ในบางกรณีผู้ป่วยอาจรู้สึกเวียนศีรษะร่วมด้วย อาการจะคล้ายกับอาการโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือกระดูกหูเคลื่อนนั่นเอง
  4. อาการแน่นหู
    บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดในหู ทำให้รู้สึกได้ยินไม่ชัดและรู้สึกมีอะไรอัดเข้าไปในหู ทำให้เกิดความไม่สบายหูชั้นในได้ 

สาเหตุของโรคหูดับที่มักพบบ่อย

แม้ว่าสาเหตุที่แน่ชัดของโรคหูดับยังไม่สามารถระบุได้ในทุกกรณี แต่มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ ได้แก่

  1. การติดเชื้อไวรัส
    เช่น ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัด หรือโรคอีสุกอีใส
  2. ปัญหาการไหลเวียนโลหิต
    การไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติไปยังหูชั้นใน
  3. ภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ (Autoimmune)
    ซึ่งอาจทำให้เซลล์ในหูชั้นในถูกทำลาย
  4. การบาดเจ็บทางกายภาพ
    เช่น การได้รับแรงกระแทกบริเวณหู
  5. การสัมผัสเสียงดังอย่างรุนแรง
    เช่น เสียงระเบิด หรือเสียงในสถานที่ทำงานที่ดังเกินไป

การวินิจฉัยโรคหูดับ อย่างไรได้บ้าง

  1. การตรวจการได้ยิน (Audiometry Test)
    เพื่อวัดระดับการสูญเสียการได้ยิน
  2. การตรวจ MRI หรือ CT Scan
    เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น การมีเนื้องอกหรือปัญหาโครงสร้างในสมองและหู
  3. การซักประวัติสุขภาพ
    เพื่อตรวจสอบปัจจัยเสี่ยงหรือโรคประจำตัวที่อาจเกี่ยวข้อง

การรักษาโรคหูดับในปัจจุบัน

  1. การให้ยา
    • สเตียรอยด์ (Steroids): ช่วยลดการอักเสบและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหูชั้นใน
    • ยาขยายหลอดเลือด: ใช้ในบางกรณีเพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด
  2. การรักษาด้วยออกซิเจนแรงดันสูง (Hyperbaric Oxygen Therapy)
    เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและฟื้นฟูเซลล์ในหูชั้นใน
  3. การผ่าตัด
    ในกรณีที่มีสาเหตุเฉพาะ เช่น เนื้องอกในหู
  4. การฟื้นฟูการได้ยิน
    หากการได้ยินไม่ฟื้นตัว อาจต้องใช้เครื่องช่วยฟังหรือการฝังประสาทหูเทียม
Annoyed young asian corporate worker, lady screams and shuts her ears with fingers, stands frustrated against white studio background

การป้องกันโรคหูดับ ที่ทำได้ง่ายๆ

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีเสียงดังเป็นเวลานาน
  • หลีกเลี่ยงการกินของดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบหรืองดทานของดิบเลย
  • ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ หากมีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หรือโรคหลอดเลือด
  • สวมอุปกรณ์ป้องกันหูในสถานที่ทำงานที่เสียงดัง

โรคหูดับเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการสงสัยว่าอาจเป็นโรคนี้ ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูกทันที เพื่อวินิจฉัยและรักษาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของการได้ยินได้ แม้ว่าโรคนี้มักจะเจอเมื่อสายหรือสูญเสียการได้ยินไปแล้ว แต่ถ้าเราหมั่นสังเกตและป้องกันตัวเอง หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นตัวกำเนิดโรคหูดับ โอกาสที่จะกลับมาได้ยินเหมือนเดิมก็มีสูง บวกกับเทคโนโลยีสมัยนี้ที่มีความนำสมัย สามารถรักษาหรือมีตัวช่วยทุเลาโรคได้มากขึ้น

เราพร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการแก่สถานประกอบการ ให้หัวข้อต่างๆ ทั้งในด้านสุขภาพและด้านอาชีวเวชศาสตร์ ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ มอบบริการที่ใส่ใจ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านพึงพอใจและได้ประโยชน์สูงสุด
ตรวจสุขภาพครั้งใด.. นึกถึง โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ เราไม่เคยหยุดนิ่ง เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร.: 0-2199-2111 ต่อ 161 แผนกการตลาด
หรือ 081-358-6493 (คุณอ้น), 086-368-5317 (คุณไอซ์)
อีเมล: info@semed.co.th
LINE: @semed
Facebook: SEMed living care hospital