โยโย่เอฟเฟกต์ (Yo-Yo Effect) : ทำไมการลดน้ำหนักผิดวิธีอาจทำให้คุณอ้วนขึ้นกว่าเดิม

YoYo Effect Banner TH

ปัญหาใหญ่ของการลดน้ำหนักแบบผิดวิธี

หลายคนพยายามลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารอย่างหนัก การกินคีโต ออกกำลังกายอย่างหักโหม หรือใช้วิธีที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมากกว่าเดิม เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “โยโย่เอฟเฟกต์ (Yo-Yo Effect)” ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อรูปร่าง แต่ยังทำลายสุขภาพในระยะยาว

สาเหตุของโยโย่เอฟเฟกต์

1.การลดน้ำหนักที่เร็วเกินไปและไม่ยั่งยืน

  • เมื่อร่างกายขาดพลังงานอย่างรุนแรง ระบบเผาผลาญจะชะลอตัวลง (Metabolic Adaptation)
  • กล้ามเนื้อลดลง ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง
  • น้ำหนักลดลงเร็วในช่วงแรก แต่กลับมาขึ้นใหม่เมื่อกลับไปกินตามปกติ

2. ฮอร์โมนความหิวและการควบคุมความอยากอาหาร

  • เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมน เลปติน (Leptin) ซึ่งควบคุมความอิ่มจะลดลง
  • ฮอร์โมน เกรลิน (Ghrelin) ซึ่งกระตุ้นความหิวจะเพิ่มขึ้น ทำให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้น
  • ผลลัพธ์คือเกิดอาการ “โหย” และกลับไปกินมากกว่าเดิม

3.พฤติกรรมโยโย่จากการลดน้ำหนักแบบผิดวิธี

  • อดอาหาร → น้ำหนักลด → ระบบเผาผลาญช้าลง → กลับมากินเยอะขึ้น → น้ำหนักขึ้นมากกว่าเดิม
  • วนลูปซ้ำ ๆ จนร่างกายสะสมไขมันง่ายขึ้นและลดน้ำหนักยากขึ้นกว่าเดิม
4655

วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องและยั่งยืน

1. ค่อย ๆ ลดน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติ

  • ควรตั้งเป้าหมายลดน้ำหนักประมาณ 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้
  • หลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักทำให้ร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อแทนไขมัน

2. ปรับสมดุลพลังงานอย่างเหมาะสม

  • เลือกทานอาหารที่ให้พลังงานเหมาะสมกับกิจกรรมและอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
  • คำนวณ TDEE (Total Daily Energy Expenditure) และปรับพลังงานให้น้อยกว่าที่ใช้ 300-500 kcal ต่อวัน

3. เน้นการกินอาหารที่มีประโยชน์

  • โปรตีนสูง: ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญ (เช่น เนื้อปลา ไข่ เต้าหู้)
  • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงและลดความอยากอาหาร (เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช)
  • ไขมันดี: ช่วยให้ร่างกายอิ่มนาน (เช่น อะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก)

4. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

  • เน้น เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) เพื่อรักษากล้ามเนื้อและเพิ่มอัตราการเผาผลาญ
  • คาร์ดิโอแบบพอดี ๆ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เพื่อช่วยเผาผลาญไขมัน

5. สร้างพฤติกรรมที่ยั่งยืน

  • ฝึกกินอาหารอย่างมีสติ (Mindful Eating)
  • นอนหลับให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนมีผลต่อฮอร์โมนความหิว
  • ลดความเครียด เพราะความเครียดส่งผลต่อพฤติกรรมการกินและการสะสมไขมัน
ลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักไม่ใช่แค่การลดตัวเลขบนเครื่องชั่ง แต่เป็นการสร้างสุขภาพที่ดีขึ้น การใช้วิธีลดน้ำหนักที่ผิดอาจนำไปสู่ “โยโย่เอฟเฟกต์” ทำให้ร่างกายสะสมไขมันง่ายขึ้นและทำให้สุขภาพแย่ลง ทางที่ดีที่สุดคือ การลดน้ำหนักแบบยั่งยืน โดยการปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกาย และสร้างสุขนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ

เราพร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการแก่สถานประกอบการ ให้หัวข้อต่างๆ ทั้งในด้านสุขภาพและด้านอาชีวเวชศาสตร์ ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ มอบบริการที่ใส่ใจ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านพึงพอใจและได้ประโยชน์สูงสุด
ตรวจสุขภาพครั้งใด.. นึกถึง โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ เราไม่เคยหยุดนิ่ง เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร.: 0-2199-2111 ต่อ 161 แผนกการตลาด
หรือ 081-358-6493 (คุณอ้น), 086-368-5317 (คุณไอซ์)
อีเมล: [email protected]
LINE: @semed
Facebook: SEMed living care hospital


แหล่งที่มา: พญ. เปรมกมล ภัทรอิทธิกุล

มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก