โรคน้ำกัดเท้า
น้ำกัดเท้า เป็นภาวะที่ผิวหนังเท้าเปื่อยลอก แดง แสบและคัน เนื่องจากต้องเดินย่ำน้ำบ่อย ๆ ทำให้ผิวหนังบริเวณเท้าเกิดแผลได้ง่าย และอาจติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียได้
อาการของโรคน้ำกัดเท้า
สาเหตุจากระคายเคือง:
- คันผิวหนัง แสบแดง เปื่อยลอก มักเป็นบริเวณซอกนิ้ว จมูกเล็บ หรืออาจเป็นทั้งเท้าได้
สาเหตุจากการติดเชื้อ:
- หากมีการติดเชื้อรา ผิวจะมีผื่นคัน ลอกเป็นวง ๆ มีตุ่มน้ำใส เท้ามีกลิ่น
- หากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย จะมีอาการปวด บวม แดงร้อน กดเจ็บ เท้ามีกลิ่นหรือถ้าเป็นมากและรุนแรง อาจมีอาการปวด บวม ของขาและขาหนีบข้างเดียวกันหรือมีไข้ได้
วิธีการป้องกันตัวเองจากโรคน้ำกัดเท้า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบ่อย ๆ หากต้องแช่น้ำเป็นเวลานานหรือเดินย่ำน้ำ ควรสวมรองเท้าที่กันน้ำได้
- รีบเช็ดเท้าให้แห้งทุกครั้งหลังเท้าเปียก โดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้า และหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าที่อากาศระบายยาก ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
- รักษาความสะอาดของเท้าอยู่เสมอ โดยการล้างเท้าและฟอกสบู่ และทาครีมให้ความชุ่มชื้นทุกครั้ง ควรตัดเล็บให้สั้น
- ในกรณีที่มีเหงื่อออกมากบริเวณฝ่าเท้า อาจใช้แป้งโรยเล็กน้อยหรือยาทาลดเหงื่อ เพื่อให้ช่วยดูดซับเหงื่อส่วนเกิน
- หากเกิดบาดแผล ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสของแผลกับน้ำขังและรีบรักษาให้หายโดยเร็ว
- ปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติของผิวหนังบริเวณเท้า
แหล่งข้อมูลโดย : นายแพทย์ชนัทธ์ กำธรรัตน์ ฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย