อันตรายกว่าที่คิด! กับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

17

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือ Hypoglycemia เป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดต่ำกว่าปกติ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ ตั้งแต่ความรู้สึกอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ไปจนถึงหมดสติได้ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมหรือทันท่วงที ภาวะนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ก็สามารถเกิดขึ้นกับคนทั่วไปได้เช่นกันในบางกรณี เช่น คนที่ควบคุมน้ำตาลมากเกินไป ควบคุมอาหาร หรือคนที่ออกกำลังกายเยอะกว่าปกติ คนเหล่านี้ก็จำเป็นต้องระมัดระวังภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำด้วยเหมือนกัน

สาเหตุของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ มาจากอะไรบ้าง?

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้

  1. สาเหตุจากการรักษาโรคเบาหวาน
  • การใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด เช่น อินซูลิน หรือยากลุ่ม Sulfonylureas
  • การบริโภคอาหารไม่เพียงพอ หรือข้ามมื้ออาหาร
  • การออกกำลังกายหนักเกินไป โดยไม่ได้ปรับปริมาณอาหารหรือยาให้เหมาะสม
  • การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ซึ่งส่งผลให้ตับไม่สามารถปล่อยกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดได้ตามปกติ
  1. สาเหตุในคนที่ไม่ได้ป่วยเป็นเบาหวาน
  • ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ เช่น ภาวะต่อมหมวกไตบกพร่อง
  • การทำงานของตับผิดปกติ เช่น โรคตับอักเสบหรือโรคตับแข็ง
  • การอดอาหารเป็นเวลานาน
  • เนื้องอกในตับอ่อนที่สร้างอินซูลินมากเกินไป (Insulinoma)

เช็ค! อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ อาการในระยะแรกเริ่มและอาการในระยะรุนแรงแตกต่างกันอย่างไร

อาการในระยะแรกเริ่ม

  • หิวมากผิดปกติ
  • เหงื่อออกมาก
  • เวียนศีรษะ
  • ใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็ว
  • มือสั่น
  • รู้สึกกระสับกระส่าย

อาการในระยะรุนแรง

  • สับสน
  • พูดไม่ชัด
  • การมองเห็นพร่ามัว
  • ชัก
  • หมดสติ
  • ในกรณีที่รุนแรงมากอาจนำไปสู่ภาวะโคม่าได้
  • หากรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิต

การวินิจฉัยภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำด้วยวิธีอะไรได้บ้าง

  1. การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดในขณะที่มีอาการ โดยปกติแล้ว หากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จะถือว่าเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำซึ่งเริ่มเป็นอันตรายแล้ว ต้องเฝ้าระวังหรือไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้อยู่ในการควบคุมของแพทย์เสมอ เป็นการลดความเสี่ยงของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

  1. การสังเกตอาการ

ผู้ป่วยที่มีอาการบ่งชี้ถึงภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เช่น เวียนศีรษะ เหงื่อออก หรือใจสั่น รุ็สึกเหมือนจะเป็นลม บางครั้งอาการจะคล้ายแพนิก ซึ่งต้องหมั่นเช็คสุขภาพเป็นประจำ

  1. การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม

ในบางกรณีที่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ชัดเจน แพทย์อาจทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจฮอร์โมน การตรวจตับ และการตรวจเนื้องอกในตับอ่อน

การปฐมพยาบาลและการดูแลเบื้องต้น

เมื่อพบผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ควรดำเนินการดังนี้:

  1. การให้กลูโคส
  • หากผู้ป่วยยังมีสติ ควรให้รับประทานกลูโคสหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำผลไม้ ลูกอม หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
  • หากไม่มีอาหารที่มีน้ำตาล สามารถให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ขนมปัง หรือข้าว
  1. การฉีดกลูคากอน (Glucagon)
  • ในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติหรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้ ควรฉีดกลูคากอนเพื่อกระตุ้นการปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
  • หลังจากฉีดกลูคากอน ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

การป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้โดย:

  1. รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ช่วยให้ร่างกายจดจำการกำจัดไขมันที่ไม่จำเป็นออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดีและเป็นเวลา
  2. ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ เช็คร่างกายและดูผลเพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดให้คงที่
  3. ปรับปริมาณยาตามคำแนะนำของแพทย์ สำหรับคนที่ต้องกินยา ต้องทำตามแพทย์สั่งเสมอ อย่าใช้เกินขนาดต้องพอเหมาะ
  4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เพราะมีสารที่ทำให้ร่างกายไม่สมดุลและยังมีผลต่อการนอนการกินและไขมันพอตับด้วย
  5. พกอาหารหรือขนมที่มีน้ำตาลติดตัวไว้เสมอ เมื่อรู้สึกเพลียอ่อนแรง หรือรู้สึกจะเป็นลม

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นภาวะที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวาน หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น การรับรู้ถึงอาการและการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและจัดการกับภาวะนี้ได้ รวมถึงอาการเริ่มต้นควรศึกษาไว้ด้วยเพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสังเกตตัวเองอยู่เสมอ หรือเข้าตรวจคัดกรองการเป็นโรคเบาหวาน หรือเช็คน้ำตาลในเลือดเมื่อรุ็สึกไม่ดีต่อตัวเอง

 

อ้างอิงจาก : https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/hypoglycemia

https://www.samitivejhospitals.com

เราพร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการแก่สถานประกอบการ ให้หัวข้อต่างๆ ทั้งในด้านสุขภาพและด้านอาชีวเวชศาสตร์ ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ มอบบริการที่ใส่ใจ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านพึงพอใจและได้ประโยชน์สูงสุด
ตรวจสุขภาพครั้งใด.. นึกถึง โรงพยาบาลซีเมด ลีฟวิ่งแคร์ เราไม่เคยหยุดนิ่ง เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร.: 0-2199-2111 ต่อ 161 แผนกการตลาด
หรือ 081-358-6493 (คุณอ้น), 086-368-5317 (คุณไอซ์)
อีเมล: info@semed.co.th
LINE: @semed
Facebook: SEMed living care hospital