“มะเร็งตับ” ภัยเงียบที่ควรรู้จักและการดูแลตัวเอง

1TH

“มะเร็งตับ” ภัยเงียบ! ที่ควรรู้จักและการดูแลตัวเอง

มะเร็งตับ เป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนทั่วโลกและประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งตับเป็นจำนวนมากขึ้นทุกๆปี เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกายในการล้างสารพิษ ผลิตโปรตีน และควบคุมการเผาผลาญ ถ้าเราทำความรู้จักโรคนี้ให้มากขึ้น จะช่วยให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตับและทำกิจกรรมป้องกันการเกิดโรงมะเร็งตับได้

มะเร็งตับคืออะไร มีกี่แบบ?

มะเร็งตับเกิดจากการเจริญเติบโตแบบผิดปกติของเซลล์ในตับ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆที่ควรทำความรู้จักกันไว้ เพื่อจำแนกความน่ากลัวของมะเร็งตับนั่นเอง

1. มะเร็งตับ ระยะปฐมภูมิ (Primary Liver Cancer)

    • เกิดจากเซลล์ในตับเองเป็นมะเร็งตับชนิดเริ่มต้น เช่น มะเร็งตับชนิด Hepatocellular Carcinoma (HCC) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในจำนวนคนที่เป็นมะเร็งตับ

2. มะเร็งตับ ระยะทุติยภูมิ (Secondary Liver Cancer)

    • เกิดจากการแพร่กระจายของมะเร็งจากอวัยวะอื่น เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งปอด เป็นภาวะมะเร็งตับที่มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูง

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเป็นมะเร็งตับ

1. การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ

  • ไวรัสตับอักเสบบี (HBV) และไวรัสตับอักเสบซี (HCV) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสเหล่านี้สามารถนำไปสู่การอักเสบเรื้อรังและภาวะตับแข็งได้

2. การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน

  • การดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคตับแข็ง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับมากที่สุดอีกสาเหตุหนึ่ง

3. ไขมันพอกตับและโรคอ้วนนั่นเอง

  • ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ เกิดจากโรคอ้วนหรือการทานอาหารบางชนิดที่ก่อให้เกิดไขมันเป็นจำนวนมากก็มีโอกาสเป็นมะเร็งตับได้เช่นกัน

4. การได้รับสารพิษบางชนิด

  • เช่น สารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ที่พบในถั่วหรือธัญพืชที่เก็บไม่ถูกวิธี

5. โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง

  • มีความสัมพันธ์กับเมตาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของตับโดยตรง

อาการของมะเร็งตับแต่ละระยะที่ควรสังเกต

  1. อาการเบื้องต้น:
    • รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย 
    • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • เบื่ออาหาร เป็นเวลานาน
    • ท้องอืดหรือรู้สึกแน่นบริเวณช่องท้องขวาบน
  2. อาการที่เด่นชัดในระยะหลัง:
    • ปวดท้องด้านขวาบน
    • ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน)
    • ท้องบวมจากการสะสมของน้ำในช่องท้อง (Ascites)
    • คลำพบก้อนที่บริเวณตับ

หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยด่วน อย่าชะล่าใจเด็ดขาด ถ้าไม่ได้เป็นอะไรก็ดีไป แต่ถ้าเป็นมะเร็งตับก็จะได้รีบรักษาทันท่วงที

การวินิจฉัยโรคมะเร็งตับที่พบบ่อย

  1. การตรวจเลือด:
    • ตรวจหาระดับสาร Alpha-Fetoprotein (AFP) ซึ่งมักพบสูงในผู้ป่วยมะเร็งตับ
  2. การอัลตราซาวนด์:
    • เพื่อตรวจหาก้อนในตับ
  3. การตรวจภาพขั้นสูง:
    • เช่น การทำ CT Scan หรือ MRI เพื่อดูรายละเอียดของตับ
  4. การตัดชิ้นเนื้อ:
    • เพื่อตรวจยืนยันการวินิจฉัย
liver cancer

การรักษามะเร็งตับ

แนวทางการรักษามะเร็งตับมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะของโรค สภาพร่างกาย และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ผู้ป่วยแต่ละคนจึงอาจเป็นไปได้ว่าจะได้รับการรักษาคนละแบบกันแม้จะเป็นโรคเดียวกันก็ตาม

  1. การผ่าตัด:
    • เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มะเร็งยังอยู่ในระยะเริ่มต้นและไม่มีการแพร่กระจายของมะเร็งไปส่วนอื่นๆ
  2. การปลูกถ่ายตับ:
    • สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะตับแข็งร่วมด้วยและไม่สามารถผ่าตัดได้
  3. การทำลายเซลล์มะเร็งเฉพาะจุด:
    • เช่น การใช้ความร้อน (Radiofrequency Ablation – RFA) หรือการฉีดยาเข้าเส้นเลือด (Transarterial Chemoembolization – TACE)
  4. การรักษาด้วยยา:
    • เช่น ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) หรือยาภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy)
  5. การรักษาประคับประคอง:
    • สำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ดีขึ้น

การดูแลร่างกายและป้องกันมะเร็งตับ

1. ป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ

    • รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
    • หลีกเลี่ยงการใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น
    • ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

2. ลดการดื่มแอลกอฮอล์

    • หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม

3. ดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก

    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

4. ระวังสารพิษในอาหาร

    • หลีกเลี่ยงการบริโภคถั่วหรือธัญพืชที่เก็บไว้นานจนขึ้นรา

5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ

    • โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ

มะเร็งตับเป็นโรคที่อาจรุนแรงหากไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงที การตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยง อาการ และแนวทางการป้องกัน จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ประสบความสำเร็จ สามารถตรวจสุขภาพตับกับทางเราได้ที่โรงพยาบาลซีเมด ลิฟวิ่ง แคร์ โดยโปรแกรมการตรวจของเราจะมีครอบคลุมการตรวจทุกอย่างเกี่ยวกับตับโดยเฉพาะ ซึ่งเรามีแล็ปเป็นของตัวเองและทุกท่านสามารถมั่นใจได้ว่า ผลที่ได้แม่นยำและถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะพวกเราอยากให้คุณสุขภาพดีอยู่เสมอ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 

โทร.: 0-2199-2111 ต่อ 161 แผนกการตลาด

หรือ 081-358-6493 (คุณอ้น), 086-368-5317 (คุณไอซ์)

อีเมล: info@semed.co.th 

LINE: @semed

Facebook: SEMed living care hospital