ตรวจสุขภาพก่อนศัลยกรรม ความสำคัญและขั้นตอนที่ควรรู้
การทำศัลยกรรมในปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความงามหรือเพื่อการรักษาทางการแพทย์ แต่ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการผ่าตัด สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการตรวจสุขภาพก่อนศัลยกรรม เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังการผ่าตัด
ความสำคัญของการตรวจสุขภาพก่อนศัลยกรรม
1. ประเมินความพร้อมของร่างกาย
การตรวจสุขภาพช่วยให้แพทย์ทราบว่าร่างกายของผู้ป่วยอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดหรือไม่ เช่น การทำงานของหัวใจ ปอด และระบบไหลเวียนโลหิตและการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษา เช่น การนอนที่เพียงพอ การรับประทานอาหารหรือการดื่มน้ำ
2. ลดความเสี่ยงระหว่างการผ่าตัด
หากพบปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคประจำตัวหรือปัญหาสุขภาพ แพทย์สามารถวางแผนเพื่อป้องกันและจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้ล่วงหน้า
3. เลือกวิธีการผ่าตัดและการให้ยาชาที่เหมาะสม
การทราบข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพช่วยให้แพทย์เลือกวิธีการให้ยาชาหรือยาสลบ รวมถึงเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการศัลยกรรมแต่ละราย
4. วางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
ข้อมูลสุขภาพช่วยให้แพทย์เลือกวิธีการรักษาและวิธีการให้ยาที่เหมาะสม ช่วยให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นต่อผู้ที่ทำศัลยกรรม
ตรวจสุขภาพก่อนทำศัลยกรรม มีอะไรบ้าง
1. ตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์
เพื่อตรวจประเมินภาวะสุขภาพทั่วไป จากความดันโลหิต/ชีพจร ดัชนีมวลกาย และตรวจร่างกายตามระบบต่างๆ
2 .เอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-ray)
เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติของอวัยวะบริเวณทรวงอก เช่น กระบังลม ปอด หัวใจ และกระดูกสันหลัง เป็นต้น
3. ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC)
เป็นการตรวจปริมาณและลักษณะของเม็ดเลือด ได้แก่ เมล็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด และใช้ประเมินภาวะสุขภาพโดยรวม รวมทั้งช่วยตรวจหาปัญหาสุขภาพหรือโรคต่าง ๆ เช่น ภาวะโลหิตจาง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือการติดเชื้อต่างๆ เป็นต้น
4. ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี (HBsAg)
เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบที่เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งตับ ซึ่งสามารถติดต่อได้จากทางเลือด การมีเพศสัมพันธ์ สารคัดหลั่ง
5. ตรวจหาการทำงานของไต (BUN/Creatinine)
เพื่อตรวจประเมินสมรรถภาพการคัดแยกของเสียออกจากกระแสเลือดของไต รวมถึงตรวจโอกาสเกิดความผิดปกติหรือบกพร่องที่ไต ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสเกิดโรคประจำตัวที่ร้ายแรงได้ เช่น โรคไต การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น
6. ตรวจการแข็งตัวของเลือด (PT/INR)
เป็นการตรวจหาระยะเวลาที่เลือดเริ่มแข็งตัว หากค่าอยู่ในช่วงผิดปกติ อาจส่งผลให้เลือดแข็งตัวเร็วไปหรือช้าเกินไป
7. ตรวจสาเหตุเลือดออกง่ายหยุดยาก (PTT)
เป็นการตรวจการทำงานของปัจจัยการแข็งตัวของเลือด ซึ่งหากพบความผิดปกติ อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือเลือดไม่จับตัวเป็นลิ่มตามปกติ
8. ตรวจอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes)
เพื่อหาสารละลายสื่อนําไฟฟ้า (Electrolytes) ชนิดต่างๆ ในเลือดว่าอยู่ในระดับสมดุลหรือไม่ อิเล็กโทรไลต์ที่สําคัญและมีบทบาทต่อร่างกายมากที่สุดจะมีอยู่ด้วยกัน 4 ตัว คือ โซเดียม (Na), โพแทสเซียม (K), คลอไรด์ (Cl) และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หรือไบคาร์บอเนต (HCO3)
9. ตรวจหาภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV)
HIV เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมทั้งโรคเอดส์ (AIDS) จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายลดต่ำลง ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่างๆ เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น ซึ่งสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด
ข้อควรปฏิบัติก่อนการศัลยกรรม
- งดอาหารและน้ำดื่มอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการตรวจเลือด
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ และหยุดยาบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์
- เตรียมประวัติการรักษาและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปให้แพทย์ตรวจสอบเพิ่มเติม
การตรวจสุขภาพก่อนศัลยกรรมไม่เพียงช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยให้กระบวนการผ่าตัดดำเนินไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงในระยะยาว ผู้ที่วางแผนจะทำศัลยกรรมควรให้ความสำคัญกับขั้นตอนนี้ และเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน รวมถึงปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสุขภาพและความต้องการของตนเอง ซึ่งทางโรงพยาบาลซีเมด ลิฟวิ่งแคร์ มี โปรแกรมตรวจสุขภาพก่อนทำศัลยกรรม ที่มีความครอบคลุม โดยเรามีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและห้องปฎิบัติการตรวจวิเคราะห์ที่ทันสมัย พร้อมรองรับให้บริการ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร.: 0-2199-2111 ต่อ 161 แผนกการตลาด
หรือ 081-358-6493 (คุณอ้น), 086-368-5317 (คุณไอซ์)
อีเมล: info@semed.co.th
LINE: @semed
Facebook: SEMed living care hospital